วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เถ้าแก่หัดขับ ไอเดียสุด Cool


ในวัยยังไม่ถึง 20 ปี ของเด็กหนุ่มเพื่อนซี้ 3 สไตล์ รวมตัวกันเพื่อปลดปล่อยไอเดียสุดเจ๋ง ดึงประสบการณ์นอกตำรา มาหาทางรวยบนโลกไซเบอร์ ...

"น้องวินทร์-สุภวินทร์ จันทรคุปตังกูร" "น้องอ๋อง- ชัยวุฒิ กำพลวิชิตพัฒน์" นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ "น้องโน้ต - พิชญ์ สืบถวิลกุล" นักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ อดีตเพื่อนซี้ในสนามฟุตบอลของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ที่วันนี้จะสลัดความละอ่อน มาพิสูจน์ตัวเองในเวทีเถ้าแก่น้อย

ด้วยการลงประกวดขายสินค้าออนไลน์ ในเว็บไซต์ www.weloveshoping.com เปิดไอเดียให้วัยรุ่น 3 คน ที่เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ในเวลานั้น เห็นโอกาสหวานๆ บนหน้าจอไซเบอร์

แม้เวทีนั้นพวกเขาจะ “ปิ๋ว!!” ไม่สามารถคว้ารางวัลมาครองได้สำเร็จ เพราะขาย "สินค้าแฟชั่นจากเกาหลี" ที่ไม่มีทั้งความถนัด และคู่แข่งขันเพียบ

แต่จากเวทีนั้น ทำให้พวกเขาเห็นโอกาสบนโลกไซเบอร์ นักช้อปออนไลน์ที่พร้อมจับจ่ายสินค้าไอเดียเจ๋งๆ

จึงเบนเข็มสู่งานดีไซน์ สิ่งที่รัก งานที่ชอบ

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นักธุรกิจร้อยล้าน 123


ความฝันของคนจำนวนมากมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การได้เป็น “เจ้าของธุรกิจ” เพราะนั่นคือหนทางที่สำคัญ และอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาร่ำรวย มีชื่อเสียง และได้รับการนับหน้าถือตา คนหนุ่มสาวอายุยังไม่ครบสามสิบปีถ้าสามารถมีธุรกิจขนาด “ร้อยล้านบาท” ก็กลายเป็นเรื่องฮือฮาสามารถนำไปเขียนเป็นเรื่องราวของความสำเร็จที่น่าทึ่งและน่ายกย่องได้ นักธุรกิจ “พันล้าน” เวลามีเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายหรือเรื่องซุบซิบในสังคมก็จะเป็นข่าวใหญ่มีคนติดตามกันมาก สถานะของการเป็นเจ้าของธุรกิจ “ร้อยล้าน” หรือ “พันล้าน” บาทในสังคมไทยนั้น ดูสูงส่งจน “คนธรรมดา” ไม่อาจเอื้อมถึง คนกินเงินเดือนที่ไม่ใช่ผู้บริหารชั้นสูงและไม่ใช่คนที่มีทรัพย์มรดกมากมายนั้น มักจะไม่กล้าแม้แต่จะฝันที่จะเป็นนักธุรกิจ “ร้อยล้าน” แต่สำหรับผมแล้ว นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด “เรา” ผมหมายถึงคนที่สนใจในการลงทุนแบบ Value Investment ต้องเปลี่ยนความรู้สึกแบบนี้ เราต้องกล้าฝันที่จะเป็นนักธุรกิจ “ร้อยล้าน” หรือแม้แต่ “พันล้าน”

คำว่านักธุรกิจ “ร้อยล้าน” หรือ “พันล้าน” บาทที่นักข่าวหรือนักเขียนบทความพูดถึงในหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารนั้น ถ้าจับความให้ดีก็จะพบว่ามันคือ ยอดขายสินค้าของธุรกิจ และถ้ามองลึกลงไปอีกก็จะพบว่าบ่อยครั้งมีการ “ปัดเศษ” นั่นคือ ถ้ายอดขายประมาณปีละ 60-70 ล้านบาท ก็ตีว่าเป็นร้อยล้านบาท ถ้ายอดขายตั้งแต่ 500-600 ล้านบาท ก็เรียกว่าเป็นนักธุรกิจพันล้านได้แล้ว มันไม่เคยมีความหมายเลยว่านักธุรกิจคนนั้นมีเงินของตนเองหรือมีทรัพย์สินที่เป็นส่วนของเจ้าของบริษัทที่ถือว่าเป็นความมั่งคั่งส่วนตัวเป็นร้อยหรือพันล้านบาทจริง ๆ ยอดขายของบริษัทหรือธุรกิจปีละร้อยหรือพันล้านบาทนั้น บอกอะไรเกี่ยวกับความมั่งคั่งน้อยมาก เช่นเดียวกัน มันไม่ได้บอกถึงความสามารถของเจ้าของกิจการอะไรนัก มันอาจจะเป็นแต่เพียงความ “เท่” ที่ “กิน” ไม่ได้ ว่าที่จริงในหลาย ๆ กรณี มันเป็นความกลัดกลุ้มโดยเฉพาะถ้าธุรกิจนั้นกำลังประสบปัญหาและมีหนี้สินล้นพ้นตัวที่เจ้าของจะต้องรับผิดชอบด้วย

สูตรเศรษฐี


ความมั่งคั่ง ความร่ำรวย หรือการเป็นเศรษฐีสำหรับคนที่ไม่ได้มีพ่อแม่ร่ำรวยมาก่อนนั้น สำหรับคนจำนวนมากดูเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก บางคนอ่านหนังสือเกี่ยวกับการออมก็มักได้รับคำแนะนำที่ทำได้ยาก เช่น บอกว่าให้กันเงินจากเงินเดือนหรือรายได้ 10-20% เก็บไว้ก่อน ไม่ใช่ใช้ก่อนเหลือแล้วค่อยเก็บ ปัญหาก็คือ รายได้นั้นไม่ค่อยพอใช้อยู่แล้วแม้ว่าจะไม่ได้ใช้อย่างฟุ่มเฟือย เพราะค่าใช้จ่ายจำนวนมากเป็นค่าใช้จ่ายที่ลดไม่ค่อยได้ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าอาหาร เป็นต้น ซึ่งผมเองเห็นด้วย วิธีการที่จะทำให้เรามั่งคั่งนั้นถ้าจะให้ปฏิบัติได้จริงต้องไม่ทำให้เรารู้สึกลำบากหรือรู้สึกว่าความสุขหายไปมากและเป็นเวลานาน เหนือสิ่งอื่นใด ความอยากรวยนั้นก็เพื่อที่จะทำให้มีความสุข ดังนั้น การเสียสละความสุขเพราะต้องลดค่าใช้จ่ายเป็นเวลานานนั้นจึงไม่มีเหตุผล


ต่อไปนี้เป็นแนวทางหรือจะเรียกให้เท่ก็คือเป็นสูตรที่จะช่วยให้เรามีความมั่งคั่ง ร่ำรวย หรือแม้แต่เป็นเศรษฐีโดยเราไม่จำเป็นต้องรู้สึก “อดอยาก” และเป็นสูตรที่เหมาะมากโดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานหลังจากที่จบการศึกษาใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม คนที่มีอายุมากขึ้นแล้วก็สามารถประยุกต์ใช้ได้เท่าที่จะทำได้

ข้อแรกก็คือ ถ้าคิดว่าเรายังไม่รวย อย่าซื้อรถ การซื้อรถยนต์ส่วนตัวใช้นั้น เท่ากับเรากำลังสร้างรายจ่ายที่ลดได้ยากมาก และทุกเดือน เราจะมีรายจ่ายเป็นหมื่นหรือหลายหมื่นเป็นค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าประกัน ค่าซ่อม และอื่น ๆ บางทีรายจ่ายนั้นอาจจะไม่เป็นตัวเงินจริงเนื่องจากเราซื้อรถด้วยเงินสด เราไม่เสียค่าผ่อนรถ แต่จริง ๆ แล้วเราก็มี “ค่าเสื่อม” ซึ่งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงไม่ต่างกับค่าผ่อนรถนัก หลายคนอาจจะเถียงว่าเขาสามารถประหยัดค่ารถเมล์ ค่ารถไฟฟ้า หรือค่าแท๊กซี่ ลง แต่ถ้าคิดคำนวณค่าใช้จ่ายทุกด้านของการมีรถยนต์ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าการใช้รถสาธารณะนั้นประหยัดกว่ามากและจะทำให้เรามีเงินเหลือเก็บและลงทุนได้มากกว่า

ดีไซเนอร์รุ่นเยาววัย 14 ปี ออกแบบชุดบลายธ์ขึ้นห้าง




















พรสวรรค์ถือได้ว่ามีติดตัวมากับทุกคนตั้งแต่เกิด แต่จะปรากฏให้เห็นเด่นชัดช้าหรือเร็วก็เป็นอีกเรื่อง แต่สำหรับน้องไข่มุก ฉายแววการเป็นดีไซน์เนอร์ที่รักในการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้ามาตั้งแต่ ป. 2 เพราะตุ๊กตาทุกตัวในบ้านน้องไข่มุกจับมาใส่เสื้อผ้า ที่ตนเองเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด มาวันนี้น้องไข่มุก ขึ้นแท่นดีไซเนอร์รุ่นเยาว์ที่ออกแบบชุดตุ๊กตาบลายธ์ มีผลงานไปวางขายในห้างสยามพารากอน และมาบุญครอง ด้วยวัยเพียง 14 ปี เท่านั้น


เด็กหญิงนพพรรณ พรวนสุข หรือน้องไข่มุก ดีไซเนอร์ตัวน้อยผู้ออกแบบชุดตุ๊กตาบลายธ์ ภายใต้แบรนด์ Will Be เริ่มเข้าสู่งานที่ตนรักมาตั้งแต่ ป.2 ด้วยการวาดชุดตุ๊กตาที่มีอยู่ในบ้าน พร้อมกับการตัดเย็บ เลือกผ้าเอง จากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของครอบครัว ต่อมาก็ตัดชุดให้กับตุ๊กตาบาร์บี้ ซึ่งดูแบบตามอินเทอร์เน็ต จนกระทั่งเรียนอยู่ชั้น ป.5 ตุ๊กตาบลายธ์เริ่มเข้ามาในเมืองไทย แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก และคนรู้จักยังน้อย แต่สำหรับน้องไข่มุกตกหลุกรักตั้งแต่แรกเห็น และขอผู้เป็นแม่ซื้อให้ แต่ด้วยวัยที่ยังไม่เหมาะสมที่จะครอบครองของเล่นที่มีราคาสูงถึง 4,000 บาท ทำให้น้องไข่มุกต้องพบกับความผิดหวัง

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คนรวย VS คนชั้นกลาง


ผมได้อ่านหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง เขียนโดย Keith Cameron Smith เรื่องความแตกต่างที่โดดเด่น 10 ข้อ ระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลาง และเห็นว่ามันมีความเป็นจริงอยู่พอสมควรจากการสังเกตของผม ดังนั้น จึงขอนำมาเผยแพร่ เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้ว่า เราอยู่ในด้านไหนของสังคม และจะต้องทำอย่างไร เพื่อที่ว่าเราจะได้ย้ายจากการมีแนวโน้มที่จะเป็นคนชั้นกลางสู่การเป็นคนรวย

ความแตกต่างข้อแรก ก็คือ เศรษฐีคิดยาว แต่คนชั้นกลางคิดสั้น ว่าที่จริงคนที่คิดสั้นที่สุดก็คือ คนจน พวกเขามักจะคิดอะไรแบบวันต่อวันทำนองหาเช้ากินค่ำ คนชั้นกลางนั้นมักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน นั่นคือ คิดถึงวันเงินเดือนออก แต่คนรวยจะต้องคิดยาวเป็นปีๆ หรือเป็นสิบๆปี ในใจของคนจน เขามักคิดแต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอดเป็นหลัก ในขณะที่คนชั้นกลางคิดถึงเรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า ส่วนคนรวย เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน เขาต้องการความเป็นอิสระทางการเงิน การคิดยาวนั้นมีพลังมหาศาล เพราะมันจะทำให้เขาอดออม และลงทุนระยะยาวซึ่งจะทำให้เงินงอกเงยแบบทบต้นเป็นเวลานาน และนี่คือ สูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนมั่งคั่ง

ข้อสอง คนรวยพูดเกี่ยวกับเรื่องไอเดีย คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ และคนจนพูดถึงเรื่องของคนอื่น นี่คงไม่ได้หมายถึง ว่าคนรวยไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งของหรือคนอื่น แต่หมายถึงว่า คนรวยจะพูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่าคนจน และมักจะเป็นคนที่มีแนวความคิดดีๆ หรือมีมุมมองต่างๆ มากกว่าคนชั้นกลางและคนจน เบื้องหลังของนิสัยในเรื่องนี้คงอยู่ที่ว่า คนรวยนั้นมักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนจนซึ่งมักจะชอบ “ซุบซิบนินทา” เป็นนิจสิน ในขณะที่คนชั้นกลางอาจจะเน้นการทำงานประจำ ชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ ดนตรี การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น

Reinvention by Brian Tracy


มีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นอย่างถาวร และยิ่งมีน้อยกว่าน้อยที่สามารถจะช่วยคนอื่นให้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองอย่างได้ผล แต่ Brian Tracy นักพูดสร้างแรงจูงใจและนักเขียนด้านธุรกิจที่มีชื่อเสียง ได้ช่วยให้คนหลายล้านคนสามารถสร้างอนาคตใหม่ และตั้งเป้าหมายในชีวิตได้อย่างประสบความสำเร็จ ในหนังสือเล่มล่าสุดของเขา Reinvention: How to Make the Rest of Your Life the Best of Your Life เล่มนี้ Tracy ชี้ให้ผู้อ่านเห็นถึงองค์ประกอบพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลง และสอนวิธีประเมินตัวเองใหม่ คิดใหม่ จัดองค์กรใหม่ จัดโครงสร้างใหม่ สร้างตัวเองใหม่ เพื่อที่จะได้รับคืนอำนาจในการควบคุมชีวิตตัวเองกลับคืน มาใหม่อีกครั้ง

Tracy ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จะช่วยเปิดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตให้แก่คุณ เขาจะทำให้คุณพัฒนาทักษะความสามารถที่แอบซ่อนอยู่ในตัวคุณ ซึ่งยังไม่ได้ถูกแตะต้องหรือนำออกมาใช้ Tracy จะช่วยให้คุณสร้างตัวเองใหม่และปรับปรุงทักษะความสามารถ เพื่อให้คุณสามารถดึงศักยภาพภายในตัวคุณออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่และประสบความสำเร็จ ในขณะที่ คุณต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น แต่โอกาสก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ผู้อยู่รอดคือผู้ปรับตัว

ในโลกที่ความมั่นคงในงานกำลังลดลงเรื่อยๆ Tracy ชี้ว่ายังมีเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ เขายกทฤษฎี Charles Darwin ที่ใครๆ รู้จักกันดีที่ว่า เผ่าพันธุ์ที่อยู่รอดไม่จำเป็นต้องเป็น เผ่าพันธุ์ที่ฉลาดที่สุดหรือแข็งแรงที่สุด หากแต่ต้องสามารถ ปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้เก่งที่สุด หนังสือเล่มนี้ก็ยึดหลักทฤษฎีของ Charles Darwin นี้ เพราะเป็นหนังสือที่ เกี่ยวกับการปรับตัวและการตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมใหม่ๆ

ออมอย่างไรให้ชนะเงินเฟ้อ


เงินเฟ้อของไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา (ล่าสุดอยู่ที่ 4.1% ในเดือนมกราคม) นอกจากจะทำให้รายจ่ายของทุกคนในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นศัตรูสำคัญตัวฉกาจของผู้ที่เก็บออม

เพราะเงินเฟ้อจะคอยกัดเซาะเงินออมที่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงให้มีค่าลดน้อยลงไป เล็กลงไป

ในเรื่องนี้ สิ่งที่คนต้องการทราบก็คือ แล้วการออม/ลงทุนที่จะช่วยรักษาผลกระโยชน์ที่เราควรได้รับ ปกป้องเงินออมที่หามาอย่างลำบากไม่ให้สูญเสียไป ทำให้สามารถชนะเงินเฟ้อได้คืออะไร มีหลักคิดอย่างไร

หลังจากลองตรึกตรองดูแล้วหลายๆ รอบ คิดว่า หลักคิดสำคัญคือ “การลงทุนไปกับเงินเฟ้อ”

ลงทุนไปกับเงินเฟ้อคืออะไร ก็คือ ลงทุนกับสิ่งที่ผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ ทำนองว่า “ถ้าน้ำจะขึ้น ก็ขอขึ้นตามน้ำ” เพื่อให้สามารถลอยคอขึ้นตามน้ำ รักษาค่าของเงินที่เราเก็บออมไว้ได้

การฝากเงินไว้ที่แบงก์หรือซื้อพันธบัตร (ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรออมทรัพย์ หุ้นกู้เอกชน โดยเฉพาะที่มีระยะเวลายาว) เป็นทางออกที่ไม่น่าสนใจอย่างยิ่งช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งเช่นนี้ ถ้าไปดูจะพบว่า ดอกเบี้ยเงินฝากแบงก์ในปัจจุบันที่คนไทยมากกว่า 70 ล้านบัญชีได้รับ ก็เพียงแค่ 0.5-1.6% เท่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซื้อคอนโดปล่อยเช่า 'รุ่ง' หรือ 'ร่วง' ในปีเสือ


ใครที่คิดจะลงทุนด้วยการซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่าอย่างไรให้ได้ดอกผลงอกงาม ลองตามมาฟังความเห็นของคนเหล่านี้กัน

O"ทำเล" คือหัวใจ
"ภูพงษ์ สืบวงศ์ลี" กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอดี้เชฟ ในฐานะผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนด้วยการซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า เชื่อมั่นว่าการลงทุนวิธีนี้ยังให้ผลตอบแทนที่ดีเสมอ ขอเพียงรู้จักวางแผนและเลือกอย่างละเอียด ซึ่งเขามองว่าคนที่ลงทุนเป็น ไม่มีเสีย มีแต่ได้ นอกจากระยะสั้นจะมีรายได้จากค่าเช่า พอ ผ่อนหมดคอนโดก็เป็นสินทรัพย์ของเรา และหากอนาคตราคาขยับขึ้นจะปล่อยขายทำกำไรอีกต่อก็ยังได้

แน่นอนว่า น้ำหนักส่วนใหญ่ของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ยังอยู่ที่ "ทำเล" จะปล่อยเช่าได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคอนโดแห่งนั้นตั้งอยู่ตรงมุมไหนของเมือง

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แกะดำทำธุรกิจ

มุมมองใหม่ที่ผู้ประกอบการไม่ควรพลาด แนวคิดที่ทำให้ SMEs โตแบบก้าวกระโดด คิดคำถาม-ค้นคำตอบ พบตัวตนแล้วจะประสบความสำเร็จ ชี้ทางใช้เอกลักษณ์ไทยอย่างไร เป็นยุทธศาสตร์เจาะตลาดโลก

"ปัญหาของประเทศนี้คือ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ผู้คนไม่ขวนขวายที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ที่มันลำบาก คนในประเทศรักสบาย ใครทำอะไรก็ทำตามเค้า เพราะมันง่ายดี ทำมา 30-40 ปี ประเทศถึงเดินถอยหลังอยู่ตลอดเวลา" ประโยคเริ่มแรกของ ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ เจ้าของบริษัท แกะดำ ทำธุรกิจ จำกัด ที่ทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องเก็บเอาไปคิด


ประเสริฐบอกว่า เขามีบุคลิกที่สนใจในวิธีคิดที่แตกต่างแบบมีเหตุและผล จึงเป็นที่มาของหลักคิด "แกะดำทำธุรกิจ" ที่เขาและ นฤมล บุญทวีกิจ ร่วมกันพัฒนาเพื่อใช้เป็นพลังขับเคลื่อนในการทำธุรกิจแนวใหม่ โดยแก่นของวิธีคิดคือการใช้สมองเป็นองค์รวม สมองขวานำแล้วตามด้วยสมองซ้าย นำด้วยจินตนาการแล้วหาตรรกะมาสนับสนุน

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เว็บสังคมออนไลน์...โอกาสสร้างธุรกิจ

กระแสมาแรงสุดๆ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาจวบจนถึงปัจจุบัน ต้องยกนิ้วให้กระแสของเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Online Social Networks) หรือการบริการเครือข่ายสังคม (Social Networks Service : SNS) ได้ก้าวขึ้นสู่ยอดลำดับของความนิยมอย่างมหัศจรรย์ ประดุจหนึ่งภาพยนตร์ และหนังละครฮิตติดตลาดและขาดเสียมิได้
 

เครือข่ายสังคมออนไลน์เกิดขึ้นมา เริ่มต้นจาก 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้กว้านซื้อ Hotmail ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างการบริการด้าน e-Mail สำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก และสัญญาว่าจะผลักดันให้มีการการเปิดอ่านอีเมล์ และเพื่อให้มีการเปิดดูการโฆษณาสินค้าที่มีอยู่ในคลังสินค้าให้มากที่สุด บนเว็บไซต์ขนาดยักษ์นี้เป็นกระบวนการทำงานของซอฟต์แวร์ที่มีขนาดใหญ่มากเช่นกัน

  ในขณะนี้เอง AOL (American Online) ได้พยายามดิ้นรนที่จะทำเว็บของตนเองให้เป็นเว็บท่า (Web Portal) อันเป็นส่วนหนึ่งของ Time Warner ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านสื่อ โดยการทุ่มซื้อ Bebo ซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ว่ากำลังมาแรงด้านเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Online Social Networks) ด้วยมูลค่าถึง $850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (www.economist.com) ตัวอย่างเว็บไซต์ที่เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แก่ www.MySpace.com, www.aim.com, www.facebook.com, www.friendster.com, www.hi5.com

ขั้นตอนสู่ความสำเร็จของรายได้ $500 ต่อเดือน

คงไม่มีใครปฏิเสธความสำเร็จของตนเอง แต่ก็มีอีกมากมายที่ยังไม่ได้เริ่มต้นสร้างความสำเร็จให้กับตนเอง เหตุผลก็เพราะว่าหลายต่อหลายคนต่างก็พูดว่า ตนเองนั้นขาดซึ่งโอกาสก้าวสู่ความสำเร็จ แต่คำว่า “โอกาส” นั้นไม่ได้ขาดหายไปจากตัวเราเพียงแต่เราไม่เคยมองหามันต่างหากเล่า.


ขั้นตอนสู่ความสำเร็จการสร้างรายได้ $500 ต่อเดือนของผมได้ก้าวสู่ความเป็นจริง อย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้แม้ว่าจะทุลักทุเลพอสมควร ในช่วงแรกๆ แต่แล้วความสำเร็จนั้นก็ก้าวมาถึงอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้จริงๆ เรื่องราวของขั้นตอนความสำเร็จนี้ผมเองมีความตั้งใจอย่างสูงที่จะำนำมาถ่ายทอดให้ได้ เข้าใจถึงขั้นตอนต่างๆ ในงานสัมมนา “สร้างเงินออนไลน์สไตล์ Amazon SEO” ซึ่งต้องบอกได้เลยว่า เป็นโครงการครั้งแรกที่ผมเอง ได้ใช้บททดสอบจากระยะเวลาอันสั้นเป็นอย่างมากมาเป็นตัววัดความสำเร็จ ซึ่งใช้เวลาในการสร้างรายได้เพียงแค่ 20 วันเท่านั้นในการเริ่มต้นการทำงาน แม้ว่าการทำงานดังกล่าวจะเป็นการทำงานอย่างหนักในช่วงเริ่มต้น แต่ก็เป็นการทำงานที่คุ้มกับความตั้งใจจริงๆ

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อภิมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก

อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้นเมื่อนิตยสาร Forbes จัดอันดับให้ มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก(Mark Zuckerberg)เป็นเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดและรวยติดอันดับ 785 ของโลก หลายคนอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร มาจากไหน ด้วยวัยเพียง 23 ปี สามารถบินลัดฟ้าสู่เส้นทางมหาเศรษฐีได้

ปัจจุบัน ซัคเกอร์เบิร์กเป็นทั้งนักธุรกิจและนักเขียนโปรแกรม ดำรงตำแหน่งประธานบริหารเว็บไซต์เฟสบุ้ก Facebook.com ธุรกิจเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ด้วยมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ร้างขึ้นเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์ดเวิร์ด ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนร่วมห้องอย่าง Andrew McCollum, Dustin Moskovitz และ Chris Hughes

การทยอยออมในหุ้น

ทางเลือกหนึ่งในการออมเพื่อให้เงินทำงาน คือ การทยอยออมในหุ้น



แต่พอพูดถึงเรื่องหุ้น หลายคนอาจจะมองว่า การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงกว่าการฝากเงินในธนาคารมาก เพราะซื้อแล้ว ราคาหุ้นอาจตก ทำให้เงินต้นของเราหายไปได้เช่นกัน

และพอเริ่มคิดๆ ว่า เงินที่เราอุตสาห์เก็บหอมรอมริบสำหรับวัยเกษียณของเราอาจจะหายไปได้ ก็อดใจหายได้เช่นกัน หลายคนเลยยอมกล้ำกลืนฝืนทน ฝากเงินทิ้งไว้ที่ธนาคาร ทั้งๆ ที่ได้ผลตอบแทนไม่มากนัก เนื่องจากรู้สึกปลอดภัยว่า เงินต้นจะอยู่ครบ

หลายคนยังคิดอีกว่า ตนไม่มีความรู้ ไม่มีเวลา และโดยเฉพาะไม่มีเงิน คิดว่าเรื่องลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องของคนรวยๆ เท่านั้น

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ออมไว้ในหุ้น

ข้อแนะนำของนักการเงินที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของคนทั่วไปมากที่สุดเห็นจะได้แก่ ข้อแนะนำที่บอกว่า วิธีออมเงินเพื่อวัยเกษียณที่ดีที่สุด

คือ การออมไว้ในตลาดหุ้น แต่คนทั่วไปมักมีความรู้สึกว่า ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง เงินสำหรับไว้ใช้จ่ายในยามแก่เฒ่า น่าจะเก็บไว้ในที่ซึ่งปลอดภัย อาทิเช่น เงินฝากธนาคาร พันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารหนี้ มากกว่า

สาเหตุที่นักการเงินแนะนำเช่นนี้ เป็นเพราะแม้ว่าหุ้นจะมีความเสี่ยงมากกว่าเงินฝาก หรือตราสารหนี้มาก อาทิเช่น ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี หุ้นอาจทำให้คุณขาดทุนได้มากถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้นอีก ในขณะที่ตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน อาทิเช่น 3-5 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น แต่ก็เพราะหุ้นมีความเสี่ยงสูงกว่านี่แหละที่ทำให้ในระยะยาวแล้ว หุ้นจะต้องให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เพราะชดเชยความเสี่ยงที่สูงกว่านั่นเอง

เจ้าของ website MarketingOops

สัมภาษณ์พิเศษเจ้าของ website MarketingOops คุณตุ๊ก ณธิดา

สวัสดีค่ะ วันนี้ทีมงาน appreview ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สาวเก่ง working woman อีกคนในวงการ New Media ของไทย ผู้ก่อตั้ง website Marketingoops.com และ Managing Director บริษัท Media Plus คุณ ณธิดา รัฐธนาวุฒิ หรือที่ใครหลายๆคนในวงการรู้จักกันในนาม คุณตุ๊ก @Tukko นั่นเอง

บรรยากาศการสัมภาษณ์วันนี้เป็นไปอย่างสบายๆ ณ ร้าน Starbuck สาขา Emporium พร้อมกาแฟถ้วยโปรด ส่วนคุณตุ๊กนั้นก็น่ารักเป็นกันเองมากๆ ค่ะ เรามาเริ่มต้นบทสนทนากันเลยดีกว่า

ทีมงาน: สวัสดีค่ะ คุณตุ๊ก

คุณตุ๊ก: สวัสดีค่ะ ทีมงาน appreview ^^


ทีมงาน: ได้ยินมาว่าคุณตุ๊กเป็นคนใช้ smartphone หลายเครื่องเหมือนกัน ปัจจุบันใช้รุ่นไหนอยู่คะ

คุณตุ๊ก: ตอนนี้ใช้ iPhone 3G (8GB) และ BlackBerry Curve 8300 ค่ะ ซึ่งตัว BlackBerry ตัวนี้ใช้มาเกือบ 2 ปีแล้ว

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ศิริวัฒน์แซนด์วิช..ล้างภาพเซียนหุ้น ปั้นธุรกิจโก mai

เสือผอม ใจยังสู้..คนจน ใจยังทระนง 'ศิริวัฒน์แซนด์วิช' ผู้เสพสุขจาก..ทุกข์ฟองสบู่ พร้อมเสิร์ฟฝันครั้งใหม่ ปั้น 'Coffee Corner' โก mai

ไม่มีโชคชะตาที่ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดกาล ขอเพียงตัวเราขยันขันแข็ง โชคชะตาย่อมรับใช้เรา ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิกุล เศรษฐีตกสวรรค์ ใช้ความพากเพียรกว่า 12 ปี เชื่อในอุตสาหะนำพาโชคชะตา เขามาดมั่นว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะได้เป็นเจ้าของบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai กิจการเล็กๆ ที่เติบโตมาจาก "ริมฟุตบาท..ข้างถนน"

แบรนด์ "ศิริวัฒน์แซนด์วิช" เริ่มต้นขึ้นเมื่อยุคฟองสบู่แตก ปี 2540 เมื่อศิริวัฒน์ และภรรยา (วิไลลักษณ์) ได้เริ่มทำแซนด์วิช 20 ชิ้นแรกขายในวันที่ 20 เมษายน 2540 เขาใช้เวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมงครึ่ง กว่าสินค้าจะขายหมด

ก่อนหน้านั้น ศิริวัฒน์ เคยเป็นกรรมการผู้จัดการ บล.เอเชีย (ปัจจุบันคือ บล.เอเซีย พลัส) และผันชีวิตมาเป็นนักลงทุนรายใหญ่ระดับ "หลายร้อยล้านบาท" ในตลาดหุ้น และกลายเป็นหนึ่งใน "เซียนหุ้น" ชื่อก้องในเวลานั้น

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บันได 7 ขั้นสู่ความสำเร็จ


บันได 7 ขั้นสู่ความสำเร็จในแบบฉบับของ “ไบรอั้น เทรซี่”
เมื่อเร็วๆนี้ ได้พบเห็นข้อคิดของ “ไบรอั้น เทรซี่” (Brian Tracy) ปรมาจารย์ทางด้านการพัฒนาตนเองและการฝึกอบรมบุคคลากร ซึ่งแนะนำให้คนที่ต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิตมีแนวทางที่เห็นเป็นรูปธรรมและเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งในด้านการงานและการดำเนินชีวิต จึงอยากนำมาฝากกันและขอสนับสนุนให้ลองนำไปปฏิบัติ

ไบรอั้นเสนอแนะให้คุณฝึกวินัยให้ตัวคุณเองลงมือทำสิ่งที่คุณรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องทำเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในสายงานหรือวิชาชีพของคุณ เขาให้ข้อคิดว่า “การฝึกวินัยให้ตัวเองนั้นเป็นความสามารถที่จะช่วยทำให้ตัวคุณลงมือทำในสิ่งที่ควรทำในช่วงเวลาที่ควรจะทำเป็นอย่างยิ่ง…ไม่ว่าคุณจะอยากทำสิ่งนั้นหรือไม่ก็ตาม”

เขาชี้ให้เห็นว่า มันเป็นเรื่องง่ายมากที่คนเราจะทำอะไรสักอย่างเมื่อยามที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะทำสิ่งนั้น แต่ที่จริงแล้ว เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่รู้สึกว่าอยากจะทำมัน แล้วคุณสามารถที่จะบังคับใจตนเองให้ลงมือทำสิ่งนั้น(สิ่งที่ดีงาม)ได้ นั่นแหละ ที่จะช่วยทำให้คุณสามารถนำพาชีวิตและหน้าที่การงานของคุณไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้

กุญแจห้าดอกสู่ความมั่งคั่งและความสุข

กุญแจห้าดอกสู่ความมั่งคั่งและความสุข ของ แอนโทนี่ ร็อบบินส์

       Anthony Robbins มีชื่อเดิมว่า Anthony J. Mahavorick เกิดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 1960 (2503) ในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา พ่อแม่ของเขาหย่าขาดกันเมื่อเขาอายุได้ 7 ขวบ และได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น Robbins ตามพ่อเลี้ยงคนแรก หลังจากนั้นแม่ก็หย่าและแต่งงานใหม่อีกครั้ง และเมื่อเขาอายุ 17 ก็มีทะเลาะกับแม่และถูกไล่ออกจากบ้าน



เขาเริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นภารโรง ได้ค่าจ้างสัปดาห์ละ 40 ดอลล่าร์ เขาเลิกเรียนหนังสือ แต่เขาเป็นนักอ่านและชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเองมา วันหนึ่่งเขาได้สมัครเข้าอบรมกับ Jim Rohn นักพูดที่เขาชื่นชอบ และหลังจากนั้นมาเขาก็มีรายได้จากการขายตั๋วเพื่อเข้าฟังการอบรมของ Jim Rohn

ในวัย 19 ปี เขาอกหัก และใช้ชีวิตในอพาร์ทเม้นท์ถูกๆ โดยไม่พบกับใคร หลังจากนั้นเขาได้สมัครเรียนกับ John Grinder ผู้ก่อตั้งสถาบัน NLP และหลังจากนั้นเขาก็ก้าวมาสู่การเป็นโค้ชให้คำปรึกษา

ลูกค้าของเขามีมากมายทั้งที่เป็นองค์กรและบุคคล เช่น IBM ,AT&T,AMEX บุคคลเช่น อังเดร อากัสซี่, เซเรน่า วิลเลี่ยม ,ปธน.สหรัฐบางคน ฯลฯ ในเอเชียเขาเคยมาจัดสัมมนาที่สิงคโปร์

สำหรับกุญแจห้าดอกแห่งความมั่งคั่งและความสุขประกอบไปด้วย

HR Scorecard


จุดกำเนิด HR Scorecard
นับถอยหลังไปสักทศวรรษได้ที่ผู้เขียนบุกเบิกให้ธุรกิจหรือผู้บริหารธุรกิจระดับสูงได้จัดทำ “การวางแผนกลยุทธธุรกิจ” (Strategic Planning) โดยแนวคิดใหม่ในขณะนั้นที่รู้จักกันคือ BSC & KPIs (Balanced Scorecard & Key Performance Indicators)

พัฒนาการของ BSC & KPIs ผู้เขียนได้ปรับโมเดลในการนำไปใช้กับธุรกิจจนกระทั่งปัจจุบันได้บูรณาการทั้งเรื่อง การวิเคราะห์ทัศนภาพ (Scenario Analysis) การจัดทำ BSC & KPIs และกลยุทธทะเลสีน้ำเงิน (Blue Ocean Strategy) ให้เข้ามาอยู่ในเทมเพลต (Template) เดียวกันของการจัดการกลยุทธ (Strategic Management)

จุดเริ่มของ HR Scorecard มีปัจจัยหลักๆ ที่ผู้เขียนพอจะนึกได้อยู่ 2 ปฐมบทคือ

ปัจจัยเหตุผลหลักที่ 1 ในขณะที่ผู้เขียนดำเนินการจัดทำ BSC & KPIs ในการแปลวิสัยทัศน์ (Vision) และภารกิจ (Mission) ไปสู่กลยุทธ (Strategy) ได้ครุ่นคิดอยู่ว่า

คุณสมบัติ 8 ประการสู่ความสำเร็จ

ในการที่จะเล่นกีฬาให้ชำนาญจนมีความสามารถเป็นที่ยอมรับกัน และจนถึงขนาดชนะได้รางวัลนั้น นอกจากผู้เล่นจะต้องมีทักษะพื้นฐานที่ดีแล้ว ยังต้องฝึกฝนตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมออีกด้วย จะเห็นว่าผู้ประสบความสำเร็จและเป็นผู้ชนะมักจะมีสไตล์ในการเล่นที่แตกต่างกัน ไม่มีสไตล์ไหนที่ชนะตลอดหรือแพ้ตลอด


ในการลงทุนก็เช่นเดียวกัน เราจะต้องพยายามหาสไตล์การเล่นที่เหมาะกับตัวเราและมีความเชื่อมั่นว่าจะทำให้เราชนะในเกมการลงทุน และค่อยๆ พัฒนาจนมีสไตล์ของตนเอง ที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร ใครจะรู้ สไตล์การลงทุนของตัวคุณเองอาจจะประสบความสำเร็จอย่างสูงในอนาคตก็ได้ นักลงทุนระดับ “ปรมาจารย์” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีคุณสมบัติที่เหมือนๆ กันอยู่ 8 ประการด้วยกัน คือ

สร้างความมั่งคั่งและปัญญาจากเว็บไซต์

ดิจิตอลไลฟ์สไตล์ของ ณธิดา รัฐธนาวุฒิ
 
 
 
 
 
 

  ในโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การรู้จักใช้ชีวิตดิจิตอลกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างชาญฉลาด ช่วยประหยัดเวลา สะดวกสบาย และเพิ่มผลผลิตเป็นเงินเป็นทองได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดังปรากฏให้เห็นตัวอย่างในชีวิตของณธิดา รัฐธนาวุฒิ ชาวทวิตเตอร์และเฟสบุ๊กรู้จักเธอในนามว่า "Tukko"

"แม้ตอนตุ๊กแต่งงานก็ยังทำผ่านออนไลน์ โดยเลือกของชำร่วยผ่านทางนี้ หรือถ้าอยากจะเดินทางท่องเที่ยวก็วางแผนจองโรงแรมหาที่พักเครื่องบินรถไฟ เช่นไปทริปยุโรป 4 ประเทศ อัมสเตอร์ดัม บริสเทล ฝรั่งเศส และลอนดอน ตุ๊กทำแบบนี้ทุกทริปเป็นสิบๆ ครั้ง ตุ๊กกล้า ลองและเชื่อในออนไลน์ ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยให้ชีวิตตุ๊กมีคุณภาพและเป็นช่องทางที่ช่วยประหยัดและหาสิ่งของบางอย่างที่เมืองไทยไม่มีได้"

Passion ที่ณธิดามีต่อโลกออนไลน์ ทำให้เธอพลิก ผันอาชีพแรกเริ่มเมื่อ 10 ปีก่อนจากอาชีพเลขานุการิณีที่มีดีกรีจบจากคอลเลจในอังกฤษและอเมริกา กลายเป็น ผู้ค้นพบกลไกสร้างความมั่งคั่งและปัญญาจากเว็บไซต์ ที่เธอสร้างขึ้นมาครั้งแรก

The Long Tail (2)

มารู้จัก..การตลาดหางยาว..กันเถอะ (Long Tail Marketing) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้อ่านหนังสือ 2 เล่ม พูดถึงกลยุทธ์ลองเทลทั้งคู่ หนังสือเล่มแรก ชื่อว่า “กลยุทธ์การตลาดลองเทล (Long Tail Marketing)” เขียนโดย Yoshihiro Sugaya แปลโดย ประวัติ เพียรเจริญ


เล่มที่สอง ชื่อ “The Long Tail (กลยุทธ์ลองเทล)” เขียนโดย Chris Anderson โดยผู้แปลคนเดียวกัน คือ ประวัติ เพียรเจริญ



พอผมอ่านหนังสือเล่มแรกจบ ก็ต้องรีบหาเล่มที่สองมาอ่านอีก เพราะในคำนำหนังสือเล่มแรกอ้างอิงไว้ว่า นับตั้งแต่ คริส แอนเดอร์สัน เขียนบทความเรื่อง The Long Tail ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Wired Magazine ในปี 2547และพิมพ์หนังสือในชื่อเดียวกันออกมาในปี 2549

จากนั้นวงการบริหารธุรกิจทั่วโลกต่างพากันตื่นตัว กับโอกาสทางการตลาดจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ จากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจแบบใหม่ ที่สามารถเสนอทางเลือกแบบไม่รู้จบให้กับผู้บริโภคได้อย่างน่าทึ่ง จน “Long Tail” กลายเป็นคีย์เวิร์ด (Key Word) ล่าสุดของแวดวงการบริหารธุรกิจระดับโลกภายในเวลาอันรวดเร็ว

จากที่ได้อ่านมา ผมขอสรุปเรื่องการตลาดหางยาว หรือ Long tail Marketing ให้ท่านผู้อ่านรู้จักกันแบบคร่าว ๆ สัก 4 ประเด็น ก่อนนะครับ

The Long Tail (1)

Chris Anderson เขียนบทความ The Long Tail ลงใน Wired ฉบับเดือนตุลาคม 2004 ซึ่งดังเป็นพลุแตก (เขาเล่าในหนังสือว่าเป็นหนึ่งในบทความที่ถูกอ้างถึงมากที่สุดของ Wired) หลังจากนั้นจึงขยายความเป็นหนังสือทั้งเล่ม และวางจำหน่ายในปี 2006 (ฉบับที่ผมอ่านเป็นเวอร์ชันพิมพ์ในอังกฤษปี 2007)





ระยะหลังผมเริ่มเห็นนิตยสารธุรกิจในเมืองไทยพูดถึง The Long Tail กันบ้างแล้ว สรุปแบบสั้นๆ The Long Tail พูดถึงพฤติกรรม (behavior) ของระบบจัดจำหน่ายสินค้า (distribution system) แบบออนไลน์ ซึ่งต่างไปจากระบบจัดจำหน่ายสินค้าแบบเดิม เพราะไม่มีข้อจำกัดทั้งทางด้านกายภาพ (space) และเวลา (time)

ตัวอย่างง่ายๆ ของข้อจำกัดทางกายภาพคือพื้นที่แสดงสินค้า เช่น ร้านหนังสือมีที่จำกัด (แต่ Amazon หรือ eBay มีพื้นที่ไม่จำกัด) ส่วนด้านเวลาก็จำนวนรายการทีวีหรือเพลงในวิทยุใน 1 ช่อง ไม่ว่าจะยัดอย่างไรก็ได้แค่ 24 ชม. (แต่ iTunes Store มีไม่จำกัด)

แนะเคล็ดให้เงินทำงาน

แนะเคล็ดให้เงินทำงาน กับ ธนพ เอี่ยมอมรพันธ์



ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนตัวจริง เผยเคยบริหารเงินกลายเป็นศูนย์ ก่อนฮึดประสบความสำเร็จกับการ "ให้เงินทำงาน" ในปัจจุบัน

ธนพ เอี่ยมอมรพันธ์ ผู้เขียนหนังสือให้เงินทำงาน ซึ่งปัจจุบันพิมพ์ครั้งที่ 9 แล้ว เปิดเผยในเวที โพสต์ทูเดย์ อินเวสเม้นท์ เอ็กซโป 2010 หัวข้อ "ให้เงินทำงาน" ว่า ตนเองนั้นทดลองบริหารเงินและให้เงินทำงานจากเงินจำนวนน้อยให้กลายเป็นจำนวนมาก และจากเงินจำนวนมากกลายเป็นศูนย์มาแล้ว เรียกว่าผ่านประสบการณ์มาหลายรูปแบบ โดยเริ่มเล่นหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 19 ปี ครั้งเมื่อศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1997 ในขณะทิ่เกิดวิฤกตต้มยำกุ้งในประเทศไทย พ่อซึ่งส่งเงินให้เรียนในต่างประเทศส่งเงินมาให้จำนวนหนึ่งแล้วบอกว่า นี่เป็นก้อนสุดท้ายแล้วที่เหลือให้หาเอาเอง

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความลับของเศรษฐีสู้ชีวิต

เมื่อคุณนึกถึง "เศรษฐี" ภาพอะไรที่เข้ามาในใจ พวกเราหลายคนคงจะนึกถึงนักการเงินแถวตลาดหุ้นที่นั่งเครื่องบินส่วนตัว สะสมรถยนต์ และใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยแบบที่จะทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ภูมิใจ

แต่เศรษฐีสมัยใหม่หลายคนอาศัยอยู่ท่ามกลางชนชั้นกลาง ทำงานเต็มเวลา และซื้อของในร้านลดราคาเหมือนพวกเราทั้งหลาย สิ่งที่บันดาลใจพวกเขาไม่ใช่การครอบครองทรัพย์สมบัติ แต่คือทางเลือกที่เงินสามารถบันดาลให้ได้ �สำหรับคนรวย ข้าวของหรูหราราคาแพงไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่อยู่ที่พวกเขามีอิสรภาพในการตัดสินใจได้เกือบทุกอย่างตามต้องการ� ที. ฮาร์ป อีเคอร์ ผู้แต่งหนังสือ ความลับในใจเศรษฐี เขียนไว้ ความมั่งคั่งหมายความว่า คุณสามารถส่งลูกไปเรียนโรงเรียนไหนก็ได้ หรือลาออกจากงานที่คุณไม่ชอบ

รายงานสำรวจความมั่งคั่งของสหรัฐฯประจำปีระบุว่ามีผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างดีมากขึ้นกว่าเดิม จำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในทศวรรษที่แล้ว และคนรวยก็รวยขึ้น การที่จะเข้าไปอยู่ในรายชื่อคนอเมริกันร่ำรวยที่สุด 400 อันดับแรกของนิตยสารฟอร์บส์ ปีที่ผ่านมา รวยแค่พันล้านเหรียญไม่พอแล้ว คุณจะต้องมีรายได้สุทธิอย่างน้อย 1,300 ล้านเหรียญ หากจำนวนคนร่ำรวยมีมากกว่าเดิม ทำไมคุณจะเป็นหนึ่งในนั้นบ้างไม่ได้ ต่อไปนี้คือเศรษฐีห้าคนที่มีสินทรัพย์สภาพคล่องอย่างน้อยหนึ่งล้านเหรียญซึ่งจะมาเผยความลับว่าอะไรที่ช่วยให้พวกเขาไปถึงจุดนั้น
 
โดย คริสทีน คูเส็ก เลวิส

นิสัย....“เศรษฐี” by Brian Tracy

ถ้าเทียบเป็นสัดส่วนแล้ว “เศรษฐีบังเอิญ” พวกนี้มีอยู่แค่หยิบมือเดียว ส่วนที่เหลือเป็นพวกที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แลกมาด้วยการทำงานหนัก” และไม่เชื่อโชค ไม่รอโชค อาจแอบหวังให้มี “ฟลุ้ค” บ้าง แต่ก็ไม่หวังเป็นจริงเป็นจัง

เขียนหัวข้อนี้ ในช่วงนี้ หลายคนอาจพาลคิดไปได้ว่าจะเป็นการพูดถึงนิสัยอันไม่ชอบมาพากลของคนรวย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นการเมืองแนวพาณิชย์ ซุกหุ้น ซ่อนภาษี หรือการลงทุนในเกาะ...แต่ที่จริงแล้วเป็นความตั้งใจที่จะให้ข้อมูล และข้อสังเกตเกี่ยวกับนิสัยของคนที่จะเป็นเศรษฐีจริงๆ เพื่อให้ใครต่อใครที่อยากจะเป็นเศรษฐีได้ลองไตร่ตรองและเอาอย่าง

ข้อสังเกตเหล่านี้ได้มาจาก Brain Tracy นักธุรกิจชาวอเมริกันที่ครั้งหนึ่งชีวิตเคยเละเทะในช่วงวัยรุ่น และยูเทิร์นชีวิตได้ทันในวัยสามสิบต้นๆ ประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพนักขาย และสุดท้ายเป็นเจ้าของบริษัท Brain Tracy International ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจ

Brian Tracy ใช้เวลาศึกษาและเก็บข้อมูลเศรษฐีเงินล้านในสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 5 ล้านราย ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วจากเพียงห้าพันกว่ารายในปี 1900 และมหาเศรษฐีเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีหน้าใหม่ ซึ่งเพิ่งมาร่ำรวยกันในรุ่นของตนเอง ไม่ใช่เป็นเศรษฐีเก่าที่มีทรัพย์สมบัติสะสมมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นปู่ หรือรุ่นทวด

อนาคตอยู่ในมือของคุณ

"คนที่เคยล้มเหลวในชีวิตมักจะเป็นครูที่ดีเสมอ"...



คำกล่าวนี้อาจมีคนตั้งท่าโต้แย้งอยู่บ้าง เพราะเป็นการสรุปที่ต้องมีเงื่อนไขประกอบหลายประการ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ คนที่ไม่เคยผ่านการล้มเหลวมาก่อน ก็จะไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพฤติกรรม ความคิด และทัศนคติ ที่เป็นสาเหตุของความล้มเหลว และก็คงจะไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับคนที่ทำท่าจะล้มเหลวอย่างไร และที่สุด ก็คงจะไม่สามารถช่วยเหลือคนเหล่านั้นให้ไม่ล้มเหลวได้

Brian Tracy เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง ที่ชีวิตผ่านความล้มเหลวอย่างสุดๆ มาแล้ว ผ่านการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุด เขาก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจมูลค่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสุดท้าย เปิดบริษัทของตนเอง และตั้งใจที่จะเขียนหนังสือและเดินทางบรรยายถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองให้กับคนทั่วโลก

ล้ม...ลุก...แล้วล่าความสำเร็จ

Brian Tracy เกิดในแคนาดา แต่มาเติบโตในเมือง Pomona มลรัฐ California ใช้ชีวิตวัยรุ่นเสเพลจนกระทั่งเรียนมัธยมปลายไม่จบ ทำมาหากินแบบเอาตัวรอดไปวันๆ ตั้งแต่งานล้างจาน ล้างรถ ถูพื้น เป็นแรงงานในฟาร์มและโรงงาน เด็กปั๊ม รับจ้างขุดบ่อ กระทั่งรับจ้างแบกของในคลังสินค้า ชีวิตในวัยรุ่นตอนนั้นเข้าขั้นร่อนเร่พเนจร

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

8 นิสัย 'เศรษฐีเงินล้าน'!!

พฤติกรรม" และ "นิสัย" เป็นส่วนผสมที่ทำให้คุณเป็น"เศรษฐี"ได้ แต่ในเวลาเดียวกันพฤติกรรมและนิสัยบางอย่าง ก็บันดาล "ความยากจน" ให้กับคุณได้เหมือนกัน

หากคุณลองหมั่นสังเกตนิสัยของบรรดาเศรษฐีทั้งที่อยู่รอบตัวเราและที่อยู่ห่างตัวหน่อย ก็จะเห็นว่าพวกเขามีลักษณะนิสัยที่คล้ายๆ กัน อาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมจะค่อนไปในทางละม้ายคล้ายกัน

ในทางตรงกันข้ามพวกที่ไม่เคยถูกเรียกว่าเศรษฐี ก็มักจะมีนิสัยที่ถอดแบบกันมาเช่นกันทั้ง ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ เกินตัว

ไม่ใช่นิสัยหรือพฤติกรรมทุกอย่างของคนเรา ที่จะหนุนนำให้ทุกคนขึ้นบัลลังก์ของเศรษฐีได้ เวบไซต์เอ็มเอ็มแฮบบิทส์ดอทคอม ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับ "8 นิสัยที่จะช่วยให้คุณเป็นเศรษฐีเงินล้าน" ลองสำรวจตัวเองดู บางทีคุณอาจจะมีนิสัยเหล่านี้ซ่อนอยู่ในตัวอยู่แล้วก็ได้