วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

เถ้าแก่ออนไลน์


เพราะเป็นคนหนุ่มที่แม้จะเพิ่งย่างเข้าวัยเลขสามนำหน้า แต่กลับเป็นเจ้าของเว็บไซต์ขายของมือสองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ พ่วงด้วยสถิติเว็บไซต์ที่ทำรายได้นับสิบล้านต่อปี profile ของชายคนนี้จึงน่าสนใจและเป็นกรณีศึกษาให้กับคนวงการดอทคอม


อายุเพิ่งจะ 30 ปี แต่ได้นั่งตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท ตลาด ดอท คอม บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเว็บไซต์ศูนย์กลางซื้อ-ขาย แลก-เปลี่ยนสินค้าบนโลกอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียก กันว่า "e-commerce" มานานหลายปี อีกทั้งธุรกิจที่มีอยู่ในมือก็เหมือนจะรุ่งโรจน์และไปได้ดี

ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงเรื่อง e-commerce ชื่อของภาวุธ พงษ์วิทยภานุ น่าจะเป็นที่รู้จักดีของคนในวงการและนอกวงการ เฉพาะ 2-3 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับการติดต่อให้ไปเป็นวิทยากรสอนเรื่อง e-marketing และ e-commerce ทั้งในสถาบันการศึกษาภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ จนตาราง การนัดหมายแน่นขนัดทั้งต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ เอง

เช่นเดียวกับการปรากฏตัว ระบุชื่อ รวม ถึงนำเสนอความคิดเห็น ตีพิมพ์บทความ ตามสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์และวิทยุ ซึ่งก็ล้วนแต่เกี่ยวเนื่อง กับการซื้อขายผ่านโลกอินเทอร์เน็ตแทบทั้งสิ้น

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ หรือป้อม เป็นพี่ชาย คนโตจากพี่น้อง 5 คน เกิดที่กาญจนบุรี เติบโตมาจากครอบครัวคนจีนที่มีธุรกิจมากมายในมือ ทั้งการเป็นดีลเลอร์ขายรถจักรยานยนต์ และธุรกิจเรียลเอสเตท

เขาเข้าโรงเรียนประจำที่บ้านโป่ง ราชบุรี ก่อนขยับมาเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพฯ ก่อนเข้าเรียนคณะ สถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต และจบการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขา e-commerce จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

ด้วยความชอบส่วนตัวและความสนุกใน วัยหนุ่ม หลังจบการศึกษาปี 2542 พื้นที่เล็กๆ ในสำนักงานของญาติกลายเป็นสนามลองฝีมือของเขาและเพื่อนอีก 3 คน ในการจัดทำเว็บไซต์ thaisecondhand.com ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการ แลกเปลี่ยนและซื้อขายสินค้ามือสอง

หน้าตาเว็บไซต์ที่ดูเกือบจะเหมือนเป็นเพียงเว็บบอร์ดประกาศแลก และซื้อขายของมือสองธรรมดาๆ ของเขาและเพื่อน ชักพาคนเข้ามา เยี่ยมเยือนในแต่ละวันเพียง 20 กว่าคน แต่กลับ เติบโตอย่างเห็นได้ชัดในเวลาต่อมาด้วยจำนวนร้อย พัน จนถึงหลักหมื่น และเหยียบแสนต่อวัน อย่างเช่นทุกวันนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า "แตกต่าง" และ "โดนใจ" คนใช้อินเทอร์เน็ต

1 มกราคม 2544 บริษัท ตลาด ดอท คอม ก่อตั้งขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท หลังทีมงานของเว็บไซต์ thaisecondhand.com ทั้งหมดได้บรรลุข้อตกลงการเจรจาเพื่อร่วมลงทุนจัดทำเว็บไซต์ให้เป็นรูปแบบที่ชัดเจนและหวังผลทางธุรกิจมากขึ้นกับบริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด

การเปิดตัวบริษัทนำมาซึ่งการขยายตัว ทั้งเรื่องของบุคลากรและขอบเขตของการทำธุรกิจ ปัจจุบันเว็บไซต์ในเครือของบริษัท ตลาด ดอท คอมมีมากมายหลายอย่าง แต่เกี่ยวพันเฉพาะการเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย และแลกเปลี่ยนบนโลกอินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น thaisecondhand.com เว็บดั้งเดิมที่ยังมีคนเข้ามาเยี่ยมเยือนมากมาย และติดท็อป 20 ของอันดับการเข้าเยี่ยมชมในแต่ละวัน tarad.com เว็บใหม่ที่เกิดขึ้นต่อจาก thaisecondhand.com ศูนย์กลางในการชอปปิ้งออนไลน์ taradpay.com ระบบการจ่ายเงินค่าสินค้าบนเว็บไซต์ทั้งผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่ออื่นๆ taradquickweb.com เว็บไซต์ที่ให้บริการพื้นที่เช่าหน้าร้านบนเว็บไซต์เพื่อประกาศขายสินค้าที่ต้องการ พร้อมบริการอื่นๆ เสริม taradebid.com ศูนย์กลางการประมูลสินค้าบนอินเทอร์เน็ต และ taradfashion.com เว็บไซต์ค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าแฟชั่นที่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงการพัฒนาเว็บไซต์ การจัดสัมมนา การตีพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวกับ e-commerce การพัฒนาโซลูชั่นให้กับองค์กรที่ต้องการ โดยเฉพาะระบบการซื้อขายและจ่ายเงินบนอินเทอร์เน็ต

ปี 2547 ตลาด ดอท คอม มีรายได้จากการทำธุรกิจ 5 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาบริษัทเล็กๆ แห่งนี้กลับมีรายได้โตถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 ล้านบาทต่อปี และจะเติบโตอีกจากการ หาช่องทางการหารายได้ใหม่ๆ เข้ามาทั้งการขายซอฟต์แวร์ e-commerce ให้กับประเทศที่สนใจ และร่วมลงทุนระหว่างกันในอนาคตอันใกล้

หรือแม้แต่การขายโฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด และการให้เช่าพื้นที่หน้าร้านบนเว็บไซต์ ซึ่งยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัท

ต้องยอมรับข้อหนึ่งว่าที่ผ่านมาบทเรียนความสำเร็จของเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีประชากรที่โลดแล่นบนโลกอินเทอร์เน็ตเพียง 8 ล้านรายเท่านั้น ส่วนใหญ่หากไม่ใช่เป็นเว็บท่าที่รวมลิงค์เว็บสารพัดบนโลกนี้มาไว้ในหน้าเดียวอย่าง sanook.com ก็เป็นเว็บไซต์ข่าวสารรายวันอย่าง manager.co.th แทบทั้งสิ้น

เว็บไซต์ที่เป็นสื่อกลางการซื้อขายของภาวุธจึงถือว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับเว็บไซต์อื่นๆ เพราะไม่เพียงแต่แปลกแยกด้วย segment แต่ยังเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการซื้อขาย และหมุนเวียนเงินตราผ่านหน้าเว็บไซต์หลายล้านบาทต่อปีอีกด้วย

จากความชอบส่วนตัว จนกระทั่งตัดสินใจร่วมลงขันกับเพื่อนๆ ทำให้โตขึ้น แม้จะคั่นกลางด้วยการทำงานหาประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง กับองค์กรขนาดใหญ่บางแห่งในบางช่วงเวลาวันนี้ภาวุธกลายเป็นเถ้าแก่คนหนึ่งที่มีรายได้ที่หลังจากการหักรายจ่าย คงเหลือเป็นกำไรสุทธิเกือบครึ่งของ 10 ล้านบาท และยังเตรียมสยายปีกของรายได้แบบโตวันโตคืนตามจำนวนคนที่ใช้อินเทอร์เน็ต และคนที่นิยมการซื้อขายของบนโลกอินเทอร์เน็ต

ภาวุธคว้าหนังสือเรื่อง "เกาะติดกระดาน mai" ให้ "ผู้จัดการ" ได้ดูพร้อมทั้งเล่าว่า อีก 3 ปีนับจากนี้เขาตั้งใจจะให้บริษัทเล็กๆ ของเขาเข้าไปอยู่ในตลาด mai ให้ได้ และนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงวันนี้ การก้าวและปรับโครงสร้างของบริษัทคือ ความเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลอย่างชัดเจนในการเตรียมตัวให้พร้อมกับการเข้าตลาด mai

"ผมโตมาจากการเป็นเถ้าแก่ ดูแลเองทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบมานานหลายปี ทั้งเรื่องคน เอกสาร คิดแผนงาน และอื่นๆ โดยมีเพื่อนๆ ในทีมและพนักงานช่วยกัน แต่เราไม่ใช่ เถ้าแก่แบบเช้าชามเย็นชาม เราคุยกันตลอด ทำบัญชี ทำ road map และติดตามผล และคาดหวังกับการลงทุนทั้งหมด" ภาวุธบอกกับ "ผู้จัดการ"

ความสำเร็จของตลาด ดอท คอมไม่ได้อยู่ที่การมีเว็บไซต์ที่แตกต่าง และเริ่มทำก่อนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงแนวความคิดที่ต่อยอดนับจากที่เริ่มต้นด้วยในเวลาเดียวกัน นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมภาวุธจึงแทบไม่ว่างในแต่ละวัน

ตารางนัดหมายของภาวุธไม่เพียงแต่แน่นด้วยการนัดหมายเจรจาการค้ากับคู่ค้า พันธมิตรและทีมงาน แต่ยังแน่นด้วยการนัดหมายเพื่อเป็นวิทยากรและอาจารย์สอนในสถาบัน ตลอดจนการเข้าร่วมสมาคม และชมรมที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์และ e-commerce

เขาเป็นตัวอย่างหนึ่งที่โยงให้เห็นภาพ ชัดเจนระหว่างการใช้ภาพลักษณ์และความชำนาญส่วนตัวเข้าช่วยดำเนินธุรกิจทางอ้อม หากดาราอาศัยหน้าตาในการทำมาหากิน ทุกแรงที่เขาลงไปกับการตระเวนทำกิจกรรม และสั่งสมประสบการณ์และให้โอกาสแก่คนในห้องอบรม ก็เป็นหนึ่งในการเชื่อมโยง ที่ล้วนแต่ส่งผลให้ตลาด ดอท คอม เติบโตได้ในอีกแง่มุมหนึ่ง

วันนี้ภาวุธอายุ 30 ปี รั้งตำแหน่งสูงสุดของบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หากอีก 3 ปีความหวังที่จะเข้าตลาด mai ของเขาเป็นจริง ในเวลานั้นเขาก็จะนั่งตำแหน่งสูงสุดของบริษัทที่ทำธุรกิจด้าน e-commerce ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ใช่หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ตัวภาวุธเอง

เขาจะเป็นเถ้าแก่ออนไลน์ที่เข้าตลาด หุ้นได้หรือไม่ อีก 3 ปีนับจากนี้กลับมาติดตามผลงานกันอีกครั้ง
 
 
จาก นิตยสารผู้จัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น