วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดีไซเนอร์รุ่นเยาววัย 14 ปี ออกแบบชุดบลายธ์ขึ้นห้าง




















พรสวรรค์ถือได้ว่ามีติดตัวมากับทุกคนตั้งแต่เกิด แต่จะปรากฏให้เห็นเด่นชัดช้าหรือเร็วก็เป็นอีกเรื่อง แต่สำหรับน้องไข่มุก ฉายแววการเป็นดีไซน์เนอร์ที่รักในการออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้ามาตั้งแต่ ป. 2 เพราะตุ๊กตาทุกตัวในบ้านน้องไข่มุกจับมาใส่เสื้อผ้า ที่ตนเองเป็นผู้ออกแบบเองทั้งหมด มาวันนี้น้องไข่มุก ขึ้นแท่นดีไซเนอร์รุ่นเยาว์ที่ออกแบบชุดตุ๊กตาบลายธ์ มีผลงานไปวางขายในห้างสยามพารากอน และมาบุญครอง ด้วยวัยเพียง 14 ปี เท่านั้น


เด็กหญิงนพพรรณ พรวนสุข หรือน้องไข่มุก ดีไซเนอร์ตัวน้อยผู้ออกแบบชุดตุ๊กตาบลายธ์ ภายใต้แบรนด์ Will Be เริ่มเข้าสู่งานที่ตนรักมาตั้งแต่ ป.2 ด้วยการวาดชุดตุ๊กตาที่มีอยู่ในบ้าน พร้อมกับการตัดเย็บ เลือกผ้าเอง จากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของครอบครัว ต่อมาก็ตัดชุดให้กับตุ๊กตาบาร์บี้ ซึ่งดูแบบตามอินเทอร์เน็ต จนกระทั่งเรียนอยู่ชั้น ป.5 ตุ๊กตาบลายธ์เริ่มเข้ามาในเมืองไทย แต่ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก และคนรู้จักยังน้อย แต่สำหรับน้องไข่มุกตกหลุกรักตั้งแต่แรกเห็น และขอผู้เป็นแม่ซื้อให้ แต่ด้วยวัยที่ยังไม่เหมาะสมที่จะครอบครองของเล่นที่มีราคาสูงถึง 4,000 บาท ทำให้น้องไข่มุกต้องพบกับความผิดหวัง


แต่โอกาสก็ไม่ได้หมดไปซะทีเดียว เมื่อเพื่อนของแม่สั่งให้ออกแบบชุดตุ๊กตาบลายธ์ เพื่อนำไปขายตามห้างสรรพสินค้า ในฐานะที่น้องไข่มุกเคยออกแบบชุดตุ๊กตาบาร์บี้มาแล้ว โดยผู้เป็นแม่ได้ยื่นเงื่อนไขว่าหากการผลิตชุดตุ๊กตาลบายธ์ในครั้งแรก เพียง 50 ตัว (ขายส่ง) แล้วมีลูกค้าสั่งให้ผลิตซ้ำ จะซื้อตุ๊กตาบลายธ์ที่ตนเองอยากได้ให้ 1 ตัว จากจุดนี้เองทำให้น้องไข่มุก มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มความสามารถ และผลตอบรับก็เป็นตามคาดคือลูกค้ามีการสั่งซื้อซ้ำ ทำให้จากเดิมที่ผลิตไปล็อตแรกเพียง 50 ตัว ต้องเพิ่มป็น 400 ตัว โดยน้องไข่มุกขายราคาส่งเริ่มต้นที่ชุดละ 50-480 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการออกแบบ และชนิดของผ้าที่นำมาตัดเย็บ


“ในการออกแบบชุดตุ๊กตาบลายธ์ในครั้งแรก จะเน้นไปโทนสีขาวกับดำ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นสีที่เหมาะกับตุ๊กตาบลายธ์ รวมถึงลูกค้าน่าจะชอบ เพราะเป็นสีที่คนทั่วไปก็นิยมกัน ซึ่งมีการสกรีนรูปหัวกระโหลกลงบนเสื้อผ้าด้วย เป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้า ส่วนขั้นตอนการบรรจุลงถุงพลาสติก จะรีดและใส่ถุงเองทุกชุด มีการทำแอสเซสเซอรี่เอง เช่น สร้อยคอ เครื่องประดับต่างๆ ซึ่งแม่บอกว่าในช่วงเริ่มแรกเราต้องทำเองทุกขั้นตอน ไม่ใช่ไปจ้างให้คนอื่นทำให้ เพราะหากวันใดที่เขาไม่ทำให้เราหรือลาออกไป เราจะทำอะไรในธุรกิจของเราไม่เป็นเลย”


 
เมื่อน้องไข่มุกได้ตุ๊กตาบลายธ์มาครอบครองได้สมใจก็ ยังไม่ทิ้งงานออกแบบชุดตุ๊กตา เพราะมีลูกค้าสั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยไอเดียการออกแบบของน้องไข่มุกก็อาศัยการดูชุดแฟชั่นในอินเทอร์เน็ต ทั้งแฟชั่นยุคปัจจุบันและอดีตศึกษาว่าในช่วงนั้นผู้คนแต่งตัวกันอย่างไร เช่น แฟชั่นในยุคโบฮีเมียน (Bohemian), โกธิคโลลิต้า (Gothic Lolita) เป็นชุดที่มีลักษณะหรู และฟูๆ ลูกค้านิยมมาก ส่วนการเลือกผ้าน้องไข่มุกจะใช้เวลาในช่วงปิดเทอมไปเลือกซื้อผ้าเองที่ย่านสำเพ็ง และเมื่อออกแบบเสร็จก็ให้คนงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของตนเองเป็นผู้เย็บให้ ซึ่งแรกๆ ก็ต้องพบกับอุปสรรคในการสื่อสารเรื่องแบบไม่เข้าใจกัน แต่ช่วงหลังสามารถทำงานเข้ากันได้ดี ส่งผลให้งานที่ออกมาโดนใจทั้งผู้ผลิต ผู้ออกแบบ และลูกค้า ส่งผลให้รายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายตกสัปดาห์ละ 20,000 บาทเลยทีเดียว
 
 
แม้ว่าน้องไข่มุกจะอยู่ในช่วงวัยเรียน แต่ธุรกิจถือว่าไม่กระทบการเรียนเลย เพราะน้องไข่มุกจะใช้เวลาในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนออกแบบแพตเทอร์ชุดใหม่ สัปดาห์ละ 1-2 ชุด เพื่อให้พนักงานตัดเย็บตามแบบในวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ จะนำสินค้าไปส่งให้กับลูกค้ารายใหญ่ เพื่อให้เขานำสินค้าไปกระจายตามห้างต่างๆ อีกทอดหนึ่งที่ห้างมาบุญครองเอง พร้อมกับการเดินสำรวจห้างสรรพสินค้าละแวกใกล้เคียงที่รู้มาว่าสินค้าของตนเองได้ถูกนำไปวางจำหน่าย เช่น ห้างสยามพารากอน และร้านขายตุ๊กตาบลายธ์ชั้นนำของไทย ซึ่งทำให้น้องไข่มุกดีใจ สนุกในงานที่ทำ และมีความสุขที่จะสร้างสรรค์ผลงานของตนเองต่อไป โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องรายได้เป็นหลัก เพราะผลงานดังกล่าวก็ไม่ได้เริ่มต้นมาจากการทำเพื่อเงิน แต่ทำด้วยใจรัก และรักที่จะทำ ดังนั้นในอนาคตเราคงจะเห็นชื่อของน้องไข่มุกประดับวงการดีไซเนอร์อีกหนึ่งคนอย่างแน่นอน


 
 
 
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2553
***สนใจติดต่อ 0-2428-4370***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น